Health

มีคาร์โบไฮเดรตเพียง 4 ชนิด ที่ไม่ทำให้อ้วน>>อย่างแรก ควินัว (Quinoa):  มีโปรตีน ช่วยลดไขมัน เพิ่มกล้ามเนื้อ มีสารอาหารที่กระตุ้นเมตาบอลิซึ่ม >>ต่อมา คือ ข้าวโอ๊ต (Oatmeal):  มีไฟเบอร์ ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร และยังอิ่มท้องนานในแคลอรี่ต่ำ>>อันดับสาม ข้าวบาร์เลย์ (Barley):  อุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามิน บี โปรตีนสูงกระตุ้นระบบย่อยอาหาร>>อันดับสุดท้าย มันหวาน (Sweet Potatoes): ไฟเบอร์ในมันหวาน ช่วยใ้ห้ย่อยอาหารได้ช้าลง ที่สำคัญอิ่มท้องนานขึ้นด้วย!ที่มา บทความจากแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ดรอ๊อซ สหรัฐอเมริกา

อายุเพิ่มมากขึ้น ประสิทธิภาพในการเผาผลาญของร่างกายอาจจะลดลง การเลือกทานอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น >>1.ปลาแซลมอน ทานปลา 3-4ครั้ง/สัปดาห์ ลดความเสี่ยง stroke 8-12% >>2.ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตอุ่น 3/4 ถ้วย เทียบเท่าไฟเบอร์15% ที่ควรได้รับต่อวัน >>3.ถั่วดำ เพิ่มไฟเบอร์ >>4.มันหวานสีส้ม เพิ่มไฟเบอร์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ >>5.กล้วยที่ไม่สุกมาก (เปลือกยังมีสีเขียวอยู่) เพิ่มโพแทสเซียม มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงถึง 24% >>6.อัลมอนด์ ทานวันละ 1กำมือ ช่วยลดคลอเลสเตอรอล>> 7.กระเทียมดิบ เพื่อประสิทธิภาพที่ดี อย่าลืมหาเวลาออกกำลังกายควบคู่กันไปนะคะที่มารวมรวมจากงานวิจัย นักโภชนาการ

มีงานศึกษาจากอังกฤษ ให้คนที่เป็นโรคอ้วน 53คน โดยครึ่งหนึ่ง ฝึกการทานอาหารให้ช้าลง ...ด้วยวิธีง่ายๆ "เคี้ยวช้าๆ ลิ้มรสอาหารทีละคำ โฟกัสไปที่จานอาหาร" >> ผลที่ได้ คือ ผู้เข้าร่วมฝึกทั้งหมด น้ำหนักลดมากกว่าถึง 3เท่า เทียบกับอีกกลุ่มที่ไม่ได้รับการฝึกเทรนดังกล่าว >> อย่างไรก็ดี เราควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ทั้งกายและใจ

เป็นหนึ่งในวิธีการลดน้ำหนักที่นิยมกันมาก ให้ร่างกายดึงเอาไขมันมาผลาญเป็นพลังงาน แทนแป้งและน้ำตาล แปลตรงๆคือ ทานคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำ ลดปริมาณแป้งและน้ำตาล และเพิ่มการทานไขมันเพื่อไปลดไขมัน >ในสัดส่วน.. (ไขมัน 75%, โปรตีน20%, คาร์โบ5%)แล้วอาหารดังกล่าวที่ว่า มีอะไรบ้าง? >>ไขมัน:  อัลมอนด์ วอลนัท อโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง เนย เป็นต้น >>โปรตีน: เช่น แซลมอน ทูน่า ไข่ไก่ ชีส เนื้อแกะ เนื้อหมู อัลมอนด์ พิตาชิโอ โยเกิร์ตรสจืด  >>คาร์โบไฮเดรต: จำพวก ข้าว แป้ง ขนมปัง พาสต้า ซีเรียล ข้าวโพด   "ข้อดี" คือ น้ำหนักลดลง ลดระดับความดันและน้ำตาล และไม่หิวง่ายอย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักวิธีคีโตอาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้เช่นกัน และอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน เราจึงควรพิจารณาให้ดี เพื่อสุขภาพที่ดีของเราในวันข้างหน้า

เป็นเทคนิคที่มาจากแพทย์ศึกษาของHarvard แอนดรูว เวลล์ ผู้รับเอาวิธีของ Indian yogi meditation มาบอกต่อ >>ขั้นตอนมีดังนี้1. นอนบนเตียงในท่าที่รู้สึกสบาย 2. หายใจเข้าผ่านทางจมูก 4วินาที แล้วกลั้นลมหายใจค้างไว้ 7วินาที  3. แล้วหายใจออกอย่างช้าๆทางปาก 8วินาที **ทำซ้ำ ตามขั้นตอน2และ3 จนกระทั่งคุณหลับลง**

>>1.ทำความสะอาดบ้านจะกวาดบ้าน ถูบ้าน ทำความสะอาดได้หมด เพียง 25นาทีเท่านั้น >>2.ออกไปเดินช้อปปิ้งเพียงเดินสำรวจเทรนด์แฟชั่น หรือ gadgets ต่างๆ ภายใน33นาทีก็ผลาญไปได้ถึง100CAL >>3.ทำอาหารใช้เวลาไปในการเตรียม ทำอาหาร 30นาที >>4.อ่านหนังสือ75นาที เป็นการใช้พลังงานและเวลาว่างให้เป็นประโยชน์ได้ดีทีเดียว >>5.เดินซุปเปอร์มาร์เก็ต ใช้เวลาเดินช้อปปิ้ง เพียงแค่ 22นาที >>6.รีดผ้า วันหยุดไม่อยากออกไปไหน ใช้เวลาไปในการรีดผ้า เพียง 60นาที ก็ผลาญได้ร้อยแคลอรี่เช่นกัน

>>มะเขือเทศที่ผ่านความร้อนจะมีปริมาณ "ไลโคปีน" สูงกว่ามาก มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิว และชะลอการเกิดริ้วรอย>>แครอทมี เบต้าแครอทีน และวิตามิน A ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ช่วยลดการเติบโตของเซลล์มะเร็งผิวหนัง>>ถั่วญี่ปุ่น Nattoเป็นแหล่งวิตามิน K2 นอกจากจะดีต่อสุขภาพกระดูกแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย>>ขมิ้นงานวิจัยพบว่า ขมิ้นช่วยให้จุดด่างดำและรอยแผลเป็นจางลง ที่มีสาเหตุจากวัยและความไม่สมดุลของฮอร์โมน>>พริกหวานสีเหลือง อุดมไปด้วยวิตามิน C- นักวิจัยในญี่ปุ่นพบว่า ยิ่งทานพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดริ้วรอยและรอยตีนกาน้อยลงเท่านั้น- งานวิจัยของอังกฤษ พบว่าผู้ที่ทาน วิตามินC ที่สามารถได้รับจากพริกหวานสีเหลือง วันละ 4มิลลิกรัม ต่อเนื่อง3ปี ริ้วรอยลดลงถึง 11%

>>OKRA *กระเจี๊ยบเขียว*มีโฟเลต และวิตามิน บี ซึ่งไปผลิตสาร"โดพามีน"ในสมอง เป็นสารแห่งความสุข ทำให้รู้สึกดี >>DARK CHOCOLATE *ดาร์กช็อคโกแลต*กระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ช่วยให้อารมณ์ดี และลดความเครียดลงได้ >>KIWIFRUIT *กีวี*อุดมไปด้วย "ทริปโตเฟน" เป็นสารที่ร่างกายใช้เพื่อไปผลิต สาร"เซโรโตนิน"ในสมอง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และนอนหลับดี >>SUNFLOWER SEEDS *เมล็ดทานตะวัน*มีวิตามิน บี 5 และสาร "ทริปโตเฟน" จำนวนมากเช่นกัน ซึ่งจะไปกระตุ้นการผลิต สารเซโรโตนิน ทำให้เรามีความสุขและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น >>AVOCADO *อโวคาโด*วิตามิน บี ในอโวคาโด ช่วยบำรุงระบบประสาท และบรรเทาความเครียดได้ดี

>>CASHEWS เม็ดมะม่วงหิมพานต์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็นแหล่งโปรตีนและไขมันไม่อิ่มตัว เพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย >>ALMONDS อัลมอนด์อุดมไปด้วยไขมันดี มีวิตามิน อี สูง เป็นอาหารสมองชั้นดี ลดความเสี่ยงการเกิดโรคสมองเสื่อม หากทานสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดน้ำหนักในระยะยาว>>PECANS: ถั่วพีแคนนอกจากจะช่วยบำรุงหัวใจแล้ว ยังช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง>>HAZELNUTS: ถั่วฮาเซลนัทอุดมไปด้วยแม็กนีเซียม แคลเซียม และวิตามิน บี ดีต่อสุขภาพหัวใจ >>PEANUTS: ถั่วลิสงเป็นแหล่งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และโรคนิ่ว>>PITACHIOS: พิตาชิโอแคลลอรี่ต่ำ โปรตีนสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และดีต่อสุขภาพตาของเรา>>WALNUTS: วอลนัทเป็นแหล่งของ omega-3 เป็นแหล่งไฟเบอร์ และช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจอีกด้วย

>>ทานอาหารให้ตรงเวลา>>เลือกทานอาหารไขมันต่ำ>>เดินวันละหมื่นก้าว>>ทานขนมที่ดีต่อสุขภาพ>>อ่านฉลากสินค้าก่อนบริโภค>>ทานแต่พอดี และไม่ทานเร็วเกินไป>>อย่านั่งติดต่อนานเกินไป ควรลุกขึ้นไปเดิน>>ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ น้ำหวาน น้ำอัดลม>>ทานผัก ผลไม้ทุกวัน ให้มากกว่าเนื้อสัตว์